วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560


เรื่องเบเกอรี่


จัดทำ

ปวันรัต เจียระพันธ์ 

ช่องทางการติดต่อ 👇

🆔 Line : aom841

📨 IG : iiaommm

ขอบคุณค่ะ

🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬🍬






วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

ช็อคบอล🍫


                                                ช็อคบอล🍫



ส่วนผสม
เนื้อช็อคบอล
  • เนื้อเค้กช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตหน้านิ่ม 1/2 สูตร
  • ผงโกโก้ 10 กรัม
  • เหล้ารัม 2 ช้อนโต๊ะ
  • ช็อกโกแลตชิป 60 กรัม
แต่งหน้า
  • ช็อกโกแลต 300 กรัม
  • ไวท์ช็อกโกแลต 150 กรัม
  • เม็ดสีสันต่างๆ
  • น้ำตาลแต่งหน้าเค้กต่างๆ
อุปกรณ์ที่ใช้
  • ชามผสม
  • พายยาง
  • ช้อน
  • หม้อ
  • ตะแกรง
  • ถาด
วิธีทำ
1. นำเนื้อเค้กช็อกโกแลตหรือช็อคโกแลตหน้านิ่มมาขยำให้เข้าและเป็นเนื้อเดียวกัน
2. ใส่เหล้ารัมและผงโกโก้ขยำให้เข้ากันจนเป็นเนื้อแป้งโด สามารถลองปั้นแล้วเนื้อเค้กไม่ติดมือ
3. นำช็อกโกแลตชิปผสมลงในตัวแป้ง คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. แบ่งเป็นก้อน ก้อนละ 30-50 กรัม แล้วปั้นให้เป็นลูกกลมๆ
5. นำช็อกโกแลตไปละลายในหม้อหรือเตาอบ
6. นำช็อคบอลที่ปั้นเสร็จแล้วมาชุบลงไป
7. แต่งหน้าด้วย เม็ดสี ไวท์ช็อคโกแลต หรืออื่นๆตามใจชอบ




ขนมปังเนยสด

ขนมปังเนยสด



ส่วนผสม
  • แป้งขนมปัง 450 กรัม
  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ยีสต์ 10 กรัม
  • น้ำ 320 กรัม
  • เนยสด 90 กรัม
  • น้ำตาลทราย 150 กรัม
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำ
  1. เอาแป้งขนมปัง แป้งเค้ก และยีสต์มาผสมเข้าด้วยกันในชามพักไว้ จากนั้นใส่น้ำน้ำตาล เกลือ ไข่ไก่ และน้ำเข้าด้วยกัน คนให้ละลาย จากนั้นค่อย ๆ ผสมแป้งที่เตรียมเอาไว้ใส่ลงไป นวดให้เข้ากัน เติมเนยสดลงไป นวดต่ออีกครั้งจนแป้งเนียนเป็นเนื้อสนิทดี จากนั้นใส่ชามพักไว้ประมาณ 30 - 45 นาที
  2. เมื่อครบเวลาที่กำหนดแล้วแป้งจะขยายขึ้นเป็น 2 เท่าค่ะ จากนั้นให้ตัดแป้งออกเป็นชิ้น ๆ ชิ้นละ 50 กรัม แล้วเอามานวดคลึงให้เป็นลูกกลม ๆ จากนั้นก็เริ่มสอดไส้ โดยเอาเนยมาตัดเป็นก้อนเล็ก ๆ เท่า ๆ กับจำนวนแป้งที่ได้ จากนั้นใส่ถาดพักไว้ประมาณ 45 นาที
  3. เมื่อครบกำหนดแล้วให้นำเข้าเตาอบ ใช้ความร้อนที่ 180 ํC ประมาณ 12 นาทีจะได้ขนมปังเนยสดแล้ว ใครชอบหวานมาก ๆ ก็โรยน้ำตาลไอซิ่งได้ตามใจชอบ





ขนมสโคน

                                 
                                   ขนมสโคน


ส่วนผสม
  • แป้งอเนกประสงค์ 400 กรัม
  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • น้ำตาลป่น 100 กรัม
  • ผงฟู 25 กรัม
  • เกลือ 1 / 4 ช้อนชา
  • เนยจืดเย็น 125 กรัม
  • ไข่(เบอร์ 2) 2 ฟอง
  • นมสดจืดเย็น 150 กรัม
สำหรับทาหน้าขนม
  • ไข่ 1 ฟอง
  • นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ


1.วอร์มเตาอบ ไฟบน-ล่าง อุณหภูมิ 180 องศาเซลเวียส

2.ร่อนแป้ง น้ำตาลป่น ผงฟู เกลือ

3.หั่นเนยเป็นขิ้นเล็กๆ (ประมาณเม้ดถั่วอ่ะค่ะ) ขยำเนยกับแป้ง โดยถูแป้งกับเนยไปทางเดียวกัน จนได้แป้งที่มีลักษณะเป็นทราย แล้วจึงใส่ไข่กับนมลงไป ใช้มือผสมให้เข้ากัน อย่าผสมนาน แค่ให้พอเข้ากันนะคะ ไม่งั้นแป้งจะเหนียว

4.โรยนวลแป้งบนโต๊ะ แล้วคลึงแป้งที่ผสมให้หนาประมาณ 2 นิ้ว (ถ้าแป้งเราแฉะมาก จนคิดว่าจะคลึงไม่ได้ ให้โรยแป้งสาลีลงไปเพิ่ม แล้วนวดเบาๆ แป้งก็จะหายแฉะไปเองค่ะ) ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วใช้ที่กดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้วกดลงไป แล้วนำมาวางบนถาดที่วางรองด้วยกระดาษไข

5.ทาหน้าขนมด้วยไข่ที่ผสมนมสด เพื่อมห้สโคนมีสีสวย แล้วนำเข้าอบ ประมาณ 20 นาที หรือสังเกตสีของขนม ให้เหลืองสวยเท่าที่เราต้องการ พอสุกก็นำออกมาวางพักไว้บนตระแกรงพักไว้ให้เย็นค่ะ

➣  สำหรับครีมที่ทานคู่กับสโคน ก็ตามชอบค่ะ จะตีวีปปิ้งครีมธรรมดา หรือจะตีแบบเพิ่มมาสคาโปเน่ชีส หรือครีมชีสก็ตามชอบเลยค่ะ
➣   ครีมสำหรับทานคู่กับสโคน
วีปปิ้งครีม 1+1/2 ถ้วยตวง
มาสคาโปเน(หรือครีมชีส)่ 100 กรัม
ไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ หรือชิมรสจตามชอบค่ะ
วิธีตี

➣  นำวีปปิ้งครีมเทลงโถ นำเข้าแช่เย็นในฟรีซ พอเย็นจัด แล้วจึงนำออกมา ใส่มาสคาโปเน่ชีส (หรือครีมชีสที่ทิ้งไว่ในอุณหภูมิห้อง) ไอซิ่ง แล้วตีจนขึ้นฟู 
➣  เวลาทานก็ผ่าสโคนออกเป็น 2 ส่วน ปาดด้วยครีมที่ตีแล้ววางทับด้วยบลูเบอรรี่ซอส หรือซอสผลไม้อย่างอื่นที่ชอบก็ได้ค่ะ เป็นการทานสโคนที่อร่อยไปอีกแบบนะคะ 
หมายเหตุ

➣   การตัดสโคนนั้น  ห้ามใช้มีดตัด และห้ามเฉือนสโคนเป็นอันขาด ไม่งั้นสโคนจะไม่ฟูนะคะ          วิธีคือ ใช้ฝ่ามือกดพิมพ์ลงไปให้ตัดแป้งให้ขาด แล้วสังเกตที่ขอบของแป้งที่เราตัด ถ้าแป้งยังคงฟูเป็นรูปร่างดี ไม่แฟบลงไปตามแรงกด สโคนก็จะฟูสวยงามเวลาเราอบค่ะ

➣สโคนเป็นขนมที่ควรทานหลังจากอบเสร็จใหม่ๆ ไม่ควรทิ้งไว้ค้างคืนนะคะ และไม่ควรแช่เย็น เพราะจะทำให้รสชาติเพี้ยน

วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2560

ขนมเอแคลร์


                                    ขนมเอแคลร์   

          
ส่วนผสม

  • แป้งอเนกประสงค์ 3 ถ้วย
  • เนยสดชนิดเค็ม 2 ถ้วย
  • ไข่ไก่ 10 ฟอง
  • เนยขาวสำหรับทาถาด

สำหรับทำไส้เอแคลร์
  • แป้งข้าวโพด ½ ถ้วย
  • นมผง ½ ถ้วย
  • ไข่แดง 4 ฟอง
  • นมข้นจืด 3 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  • กลิ่นวนิลา 2 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 3 ถ้วย

วิธีทำ

1. ตั้งกระทะทองเหลืองด้วยไฟปานกลาง ใส่เนยและน้ำลงในกระทะทองเหลือง คนผสมให้เข้ากัน รอจนเดือด

2. รอจนส่วนผสมเดือด ค่อยๆ เทแป้งลงไป แล้วคนด้วยตะกร้อมือด้วยความเร็ว โดยระวังไม่ให้ไหม้ติดกระทะ จากนั้นยกลง

3. ทิ้งไว้จนส่วนผสมที่ได้อุ่น ใส่ไข่ลงไปทีละฟอง คนให้เข้ากัน 

4. ผสมแป้งข้าวโพดและนมผงเข้าด้วยกัน จากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไป ½ ถ้วย เติมไข่แดง คนให้เข้ากันแล้วพักไว้

5. ผสมน้ำตาล นมข้นจืด น้ำเปล่าเข้าด้วยกัน แล้วนำไปผสมรวมกับส่วนผสมในข้อ 1

6. จากนั้น นำขึ้นเคี่ยวในกระทะทองเหลืองจนเริ่มข้น เติมวนิลาลงไปแล้วยกลง

7.จากนั้นตักแป้งเอแคลร์ใส่ในถุงบีบ แล้วบีบลงในถาดขนาดให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว และแต่ละชิ้นห่างกัน 1 นิ้ว

8. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าแป้งจะสุกเหลืองและพองสวย

9. ทิ้งไว้จนตัวแป้งเอแคลร์เย็น จากนั้นตักไส้เอแคลร์ใส่ตัวบีบแล้วบีบใส่แป้งเอแคลร์โดยเจาะรูด้านก้นเอแคลร์ โดยกะปริมาณบีบที่พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป 




วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ขนมปังสังขยา

                                                                     ขนมปังสังขยา


ส่วนผสมขนมปัง
  • แป้งขนมปัง (สำหรับทำแป้งหมัก) 50 กรัม
  • น้ำเปล่า 50 กรัม
  • ยีสต์ 4 กรัม (หรือประมาณ 1/2+1/4 ช้อนชา)
  • แป้งขนมปัง 200 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • เกลือ 2 กรัม หรือหยิบมือ
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 2)  1 ฟอง
  • นมสด (อุณหภูมิห้อง) 110 กรัม
  • เนยละลาย น้ำมันพืช หรือน้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็น อย่างใดอย่างหนึ่ง 25 กรัม
ส่วนผสมสังขยา
  • ใบเตย 4-5 ใบ (หรือน้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 3 ช้อนโต๊ะ )
  • กะทิ 1+1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
  • เกลือป่น ประมาณหยิบมือ
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง
  • แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นจืด 1/4 ถ้วยตวง
  • เนยจืด 20 กรัม (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ผมใส่เพราะอยากให้มัน ๆ)
วิธีทำขนมปัง

1. หั่นใบเตยใส่ลงในเครื่องปั่น (หรือหากมีน้ำใบเตยกระป๋องก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลย) ตามด้วยหัวกะทิ แล้วปั่นให้เข้ากัน กรองเอากากใบเตยออก
     
 2. ใส่น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไป คนผสมให้น้ำตาลทรายละลาย
      
3. ตามด้วยไข่ไก่ ตีผสมให้เข้ากัน
      
4. เติมแป้งข้าวโพดลงไป คนให้แป้งละลาย แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง หรือกระชอนตาถี่ จากนั้นเทส่วนผสมใส่หม้อหรือกะละมัง

5. ใส่น้ำลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟ รอจนเดือด แล้วนำหม้อส่วนผสมลงไปวาง ใช้ตะกร้อมือคนไปเรื่อย ๆ จนสุก (สังเกตง่าย ๆ คือ ส่วนผสมจะขึ้นเส้นตามรอยที่กวน ถือเป็นใช้ได้) เติมนมข้นจืด คนให้เข้ากัน ตามด้วยเนย คนให้เข้ากัน พักทิ้งไว้จนเย็น

วิธีทำสังขยา 

1. ทำแป้งหมัก โดยผสมแป้งขนมปังกับน้ำเปล่า และยีสต์เข้าด้วยกัน ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักทิ้งไว้ ประมาณ 30-60 นาที (แล้วแต่อุณหภูมิรอบข้าง) จนแป้งโดว์พองเต็มที่ จากนั้นคนให้ยุบตัว 
     
 2. ผสมไข่กับนม คนให้เข้ากัน เตรียมไว้
      
3. ผสมแป้งขนมปังอีกส่วนกับน้ำตาลทราย และเกลือป่นให้เข้ากัน เทส่วนผสมไข่ไก่กับนมลงไป ตามด้วยแป้งหมัก นวดให้เข้ากันจนเนื้อเนียน เทเนยละลาย ลงไปนวดให้เข้ากันจนเนื้อเนียน

4. ขึ้นรูปขนมปัง เป็นก้อนกลม

5. จากนั้นก็พักแป้งให้ขึ้นโดว์

6. นำไปอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ด้วยไฟล่าง นานประมาณ 15-20 นาที จนสีขนมสวย พักขนมทิ้งไว้ให้เย็นก่อนบีบไส้

7. จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการบีบไส้

ขนมปังไส้กรอก

                                                                   ขนมปังไส้กรอก



ส่วนผสม

  • แป้งขนมปัง 200 กรัม
  • ยีสต์ผง 2 กรัม
  • น้ำตาลทราย 24 กรัม
  • เกลือ 3 กรัม
  • นมผง 8 กรัม
  • ไข่ไก่ 10 กรัม
  • เนยขาว 20 กรัม
  • น้ำ 124 กรัม
วิธีทำ


1. นำยีสต์ นมผง แป้ง มาเทรวมในชามสำหรับผสมแล้วคนให้เข้ากัน
2. ตอกไข่ใส่ ผสมให้เข้ากันกับแป้ง นำน้ำตาล กับ เกลือ ไปละลายในน้ำให้เข้ากัน แล้วนำมาผสมกับแป้ง คนให้เข้ากัน แล้วจึงเติมเนยขาว
3. คนส่วนผสมให้เข้ากัน หรือจะนวดด้วยมือก็ได้ จนกว่าแป้งที่ได้จะเรียบเนียน
4. หมักแป้งที่ผสมไว้ประมาณ 1 1/2 หนึ่งชั่วโมงครึ่ง
5. พอได้ที่นำแป้งมาแบ่งว่าจะใช้กับไส้กรอกขนาดไหน นำไปคลึงเป็นก้อนกลมๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
6. คลึงแป้งให้ได้รูปทรงตามต้องการ นำไส้กรอกมาวางลง แล้วม้วนปิดรอยตะเข็บ วางในลงในถาด ที่ถาน้ำมันเอาไว้ กะให้ห่างกันประมาณ 2 นิ้ว พักไว้รอแป้งขึ้นฟูอีกประมาณ 45 นาที
7. นำเข้าเตาอบ ใช้อุณภูมิ 400F สุกแล้วนำออกจากเตาอบ ทาผิวขนมปังด้วยเนยขาว ขณะที่ยังร้อน เพื่อเพิ่มความน่ารับประทาน


วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

โดนัท

                                                โดนัท


ส่วนผสม แป้งโดนัท
          • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 500 กรัม
          • น้ำตาลทราย 100 กรัม 
          • ยีสต์ 2 ช้อนชา 
          • ผงฟู 2 ช้อนชา
          • เกลือ 1/2 ช้อนชา
          • นม 400 กรัม
          • ไข่แดง 2 ฟอง
          • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
          • น้ำมันสำหรับใช้ทอด 

ส่วนผสม ไอซิ่งเคลือบหน้าโดนัท

          • นมจืด 4 ช้อนโต๊ะ
          • เนยสด 2 ช้อนโต๊ะ
          • ไอซิ่ง 330 กรัม
          • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
          • สีผสมอาหารตามชอบ
          • ท็อปปิ้งตามชอบ เช่น เกล็ดน้ำตาล ซอสช็อกโกแลต
วิธีทำ
  1. ทำแป้งโดนัท โดยนำแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย ยีสต์ ผงฟู และเกลือ ผสมให้เข้ากัน
  2.  ผสมนม กลิ่นวานิลลา และไข่แดง ตีให้เข้ากัน
  3. จากนั้นนำส่วนผสมของเหลวเทใส่ลงในส่วนผสมของแห้ง
  4. นวดให้เข้ากันดีแล้วพักแป้งไว้ 10 นาที
  5. พอครบเวลา นำแป้งมาคลึงด้วยไม้นวดแป้งให้แบน จากนั้นนำพิมพ์โดนัทมากดแป้ง
  6. นำพิมพ์โดนัทมากดแป้งแบบนี้ค่ะ
  7. นำแป้งโดนัทที่ได้คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ 10 นาที
  8. พอครบเวลาก็นำไปทอดกับน้ำมัน ใช้ไฟร้อนปานกลาง ทอดจนสุกเหลือง
  9. มาทำน้ำตาลไอซิ่งเคลือบหน้าโดนัท โดยนำนมสดตั้งไฟให้ร้อน ตามด้วยเนยสด คนให้เนยละลาย พอเนยละลายก็ใส่น้ำตาลไอซิ่ง และกลิ่นวานิลลาได้เลย
  10. ได้น้ำตาลไอซิ่งเคลือบหน้าเรียบร้อยแล้วก็แบ่งใส่สีผสมอาหารตามต้องการ เสร็จแล้วนำโดนัทไปชุบไอซิ่งสีสดใสและตกแต่งหน้าตามชอบ


คัพเค้กช็อคโกแลตชิพ

                                          คัพเค้กช็อคโกแลตชิพ


ส่วนผสม
  • เนย 169.5 กรัม (3/4 ถ้วย)
  • ไข่ไก่ใบใหญ่ 3 ฟอง
  • นม 2/3 ถ้วย
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
  • น้ำตาล 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
  • vanilla extract 2 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ผงฟู 2 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  • ช็อกโกแลตชิพ 1 + 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
  1. ตีเนยกับน้ำตาลและน้ำตาลทรายแดง ตีจนเข้ากัน ส่วนผสมฟูขึ้นเล็กน้อย 
  2. ใส่ไข่ไก่ และ vanilla extract
  3. ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย เกลือ ผงฟู และเบกกิ้งโซดา
  4. ตีจนส่วนผสมได้ดังรูปด้านล่าง
  5. เทนมครึ่งหนึ่งของทั้งหมด และแป้งสาาลีอเนกประสงค์อีก 1 ถ้วยที่เหลือ และเทนมที่เหลือ ตีให้เข้ากันประมาณ 1 – 2 นาที
  6. จากนั้นใส่ช็อกโกแลตชิพ ผสมให้เข้ากัน
  7. วางถ้วยกระดาษคัดเค้กลงในถาด ใส่ส่วนผสมแป้งลง 2/3 ของถ้วย
  8. อบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส (350 F) 20 นาที ลองใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงในขนม ถ้าไม่มีส่วนผสมติดขึ้นมาแสดงว่าอบได้ที่แล้ว พร้อมเสิร์ฟ



เค้กลูกส้ม

                                                 เค้กลูกส้ม 🍑   


ส่วนผสม สปันจ์เค้กส้ม (ประมาณ 10-12 ลูก)

     • ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง
     • น้ำตาลทราย 70-80 กรัม
     • สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) หรือโอวาเล็ต (Ovalet) 10 กรัม
     • นมสด หรือนมจืด 40 กรัม
     • น้ำส้มคั้น หรือน้ำเปล่า 40 กรัม
     • กลิ่นส้ม 1/2 ช้อนชา
     • สีผสมอาหารสีส้ม
     • แป้งเค้ก 100 กรัม
     • ผงฟู 1 ช้อนชา
     • เนยเค็มละลาย 80 กรัม


ส่วนผสม แยมส้มหน้านิ่ม (ซอสส้ม)     
     • น้ำเปล่า 300 กรัม
     • น้ำส้มซันควิก 70 กรัม
     • น้ำตาลทราย 110 กรัม
     • แป้งข้าวโพด หรือแป้งกวนไส้ 25 กรัม
     • เนยสดรสเค็ม 30 กรัม
     • สีผสมอาหารสีส้ม

วิธีทำ
  1. ตีไข่ น้ำตาลทราย กับสารเสริมคุณภาพจนขึ้นฟู
  2. เติมนม น้ำส้ม กลิ่นส้ม และสีผสมอาหารสีส้ม ประมาณ 15-20 หยด หรือตามชอบ ลงไปตีต่อจนส่วนผสมทั้งหมดขึ้นฟูเบา สังเกตจากเวลายกหัวตะกร้อขึ้น ส่วนผสมหยดลงโถแล้วไม่จมลงไป จะลอยบนผิวด้านบน
  3. หลังจากนั้นใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูลงไป (ให้ร่อนแป้งสัก 2 รอบเพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมเบา ๆ ก่อนเปิดเครื่อง เพราะถ้าเปิดเครื่องเลยแป้งจะฟุ้งค่ะ หลังจากนั้นก็ตีต่อด้วยความเร็วปานกลางสัก 2-3 นาที 
  4.  ลองเช็กก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นไหม ถ้าไม่มีก็ค่อย ๆ เติมเนยละลายที่พักจนอุ่นลงไปทีละนิด อย่าเทพรวดเดียวนะคะ เพราะจะตีผสมกันยาก ซึ่งเป็นสาเหตุให้เค้กเป็นไตได้ พอใส่เนยละลายหมดแล้วก็ตีต่ออีกสัก 3 นาที
  5. ทาเนยขาวให้ทั่วพิมพ์ เตรียมไว้ ตักแป้งเค้กใส่พิมพ์เค้กลูกส้ม ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ หรือเต็มพิมพ์ หลังจากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม ประมาณ 20-25 นาที 
  6. พออบเสร็จเอาออกมาจากเตาแล้วก็คว่ำลงบนตะแกรง พักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วค่อยแกะพิมพ์ซิลิโคนออก หลังจากนั้นก็พักให้เย็นสนิทบนตะแกรง
  7.  ระหว่างรอเค้กให้เย็นก็มาทำซอสส้มกัน โดยผสมน้ำ น้ำส้มซันควิก และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพดลงไปตีผสมให้เข้ากัน ยกขึ้นเตา เปิดไฟอ่อน-กลาง คนเรื่อย ๆ จนซอสสีเริ่มใสและข้นขึ้น
  8. ปิดเตา ใส่เนยลงไปคนให้เข้ากัน เติมสีผสมอาหารสีส้ม ประมาณ 10-15 หยด หรือตามชอบ คนผสมให้เข้ากัน 
  9. เสร็จแล้วก็นำมาราดบนเค้กส้ม ราดสัก 2 รอบ แล้วก็ยกถาดเคาะเบา ๆ เพื่อให้ผิวส้มเรียบเสมอกัน จากนั้นพักให้เซตตัวประมาณ 20 นาที
  10. พอเซตตัวแล้วก็ตกแต่งด้วยใบแก้วหรือใบมะยม






วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ขนมมาการอง

                                               ขนมมาการอง😍




ส่วนผสม
  • อัลมอนด์ป่นผง  138  กรัม   ( 2/3 cup almond meal or ground almonds )
  •  น้ำตาลทรายป่นละเอียด  76  กรัม  (  1 1/2 cups powdered sugar )
  • ไข่ขาว 115 กรัม ที่แยกทิ้งไว้สักสามวันแล้ว  (  3 large egg whites at room temperature and preferably aged up to 3 days )
  • น้ำตาลไอซิ่ง  207 กรัม  (  5 tablespoons granulated sugar )
  • วานิลา  1  ช้อนชา  (  1 teaspoon vanilla extract )
  • ผงโกโก้  25  กรัม  ( Cocoa powder 25 gms. )

วิธีทำ
  1. นำอัลมอนด์ผง น้ำตาลไอซิ่ง ผงโกโก้  ปั่นรวมกันให้ละเอียดอีกครั้ง ถ้าเครื่องบดดีๆใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที อย่าบดนานเพราะอัลมอนต์ จะก่อให้เกิดมีน้ำมันออกมา นำมาร่อนอีกครั้งด้วยกระชอนไม่ให้มีเศษชิ้นใหญ่หลงเหลืออยู่
  2. ตีไข่ขาวพอเป็นฟองหยาบๆด้วยความเร็วปานกลาง จากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทรายป่น ละเอียดจนหมด ตีจนได้เนื้อครีมตั้งยอดเกือบแข็งและเป็นเงา
  3. เอาส่วนของแห้งจากข้อ 1 เทใส่ลงในเนื้อครีมไข่ขาว ตะล่อมเร็วๆ พอเข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว คราวนี้ให้กลับเนื้อขนมจากข้างล่างขึ้นข้างบนโดยใช้ที่ปาดเค้ก คนเป็นวงกลมช้อนจากก้นขึ้นมาด้านบน  วนตามเข็มนาฬิกาอย่างเบาๆ
  4. เทครีมในข้อ 3 ใส่ถุงบีบ ใช้หัวบีบเบอร์ 12 บีบออกมาเป็นชิ้นกลมๆ เวลาบีบอย่าให้ปลายที่บีบห่างจากแผ่นรองอบมากนัก ( นับ  1 2 3  ในใจแล้วยกขึ้นจะได้ชิ้นบีบที่เท่าๆกัน )  บีบเป็นชิ้นกลมๆ ให้ห่างๆกันพอควร จนเต็มแผ่นรองอบ จับแผ่นรองเคาะเบาสักสองสามครั้งเพื่อไล่ฟองอากาศ
  5. พักให้ผิวขนมแห้งประมาณ 30 นาที ลองเช็คดูโดยแตะแล้วไม่เหนียวติดมือ
  6. นำเข้าเตาอบ ( ไฟ บน- ล่าง มีพัดลม  ) ความร้อน 150 องศาเซลเซียส  นาน 10 -13 นาที  แล้วแต่ขนาดเตาอบ กรณีที่ทำขนมสีอ่อน เมื่ออบไปได้ 7 นาที ให้เอาถาดอบอีกใบบังความร้อนด้านบน จากนั้นจึงอบต่อ อีก 3 นาที แล้วให้เปิดเตาอบ 1 ครั้งเพื่อไล่ความชื้นออกหรือจะใช้วิธีเอาไม้พายขัดเพื่อแง้ม ประตูเตาอบไว้ก็ได้
  7. เมื่ออบเสร็จแล้วนำออกมาวางบนตะแกรง รอซักพักค่อยแกะออกจากแผ่นรองอบ ถ้าตัวเปลือกสุกจะแกะออกได้ง่าย วางรอใส่ไส้ตรงกลาง






แพนเค้ก 

                            

ส่วนผสม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย (หรือจะใช้แป้งแพนเค้กสำเร็จรูปก็ได้)
  • ผงฟู หรือ เบกกิ้งพาวเดอร์ 2 ช้อนชา เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • นมสด 1 ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่ ตีให้แตกฟอง 1 ฟอง
  • น้ำมันพืช หรือ น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  • เนยที่ละลายแล้ว ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

1. เทส่วนผสมของแป้ง เบกกิ้งพาวเดอร์ เกลือ และ น้ำตาลทราย ลงใส่ถ้วยขนาดใหญ่ เสร็จแล้วคนให้เข้ากัน จะใช้ตะกร้อมือหรือซ่อมก็ได้แล้วแต่สะดวก เตรียมถ้วยอีกหนึ่งถ้วย แล้วเทส่วนผสมของไข่ นม และ เนยละลายลงไป เสร็จแล้วก็คนให้เข้ากัน

2. เทส่วนผสมของส่วนที่เป็นนมและไข่ลงไปในส่วนผสมของแป้งที่เตรียมไว้ ตีส่วนผสมทั้งหมดจนค่อนข้างข้นและเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้ายังเห็นว่าส่วนผสมยังเป็นก้อนๆอยู่ก็ตีไปเรื่อยๆจนไม่เห็นก้อน พอตีจนคิดว่าเนื้อแป้งเข้าที่แล้ว ทิ้งไว้สัก 1-2 นาทีก่อนลงกระทะ

3. อุ่นกระทะที่ไฟปานกลางค่อนไปทางสูงนิดๆ แล้วหยอดเนยลงไปนิดเดียวพอ หรือจะใช้น้ำมันพืชก็ได้แล้วแต่คุณ พอเนยเริ่มละลาย หรือน้ำมันเริ่มร้อนเข้าที่ คราวนี้ก็ใส่ส่วนผสมของแป้งแพนเค้กลงไป โดยใช้ทัพพีสำหรับตักซุป หรือช้อนธรรมดา ตักแป้งตามขนาดแพนเค้กที่ต้องการ ถ้าต้องการให้แพนเค้กมีขนาดใหญ่หน่อยก็ตักเยอะกว่าเดิมนิดหนึ่ง แป้งที่ใส่ลงบนกระทะควรดูหนาๆหน่อย รอจนด้านบนของแป้งเริ่มมีรูอากาศผุดขึ้นมา แล้วค่อยจัดการกลับด้าน อุ่นแพนเค้กต่อประมาณ 1 นาทีกว่าๆ จนทั้งสองด้านเป็นสีน้ำตาลทองสวย และมีความหนาประมาณ 1 เซ็นติเมตร

4. เสิร์ฟแพนเค้กพร้อมราดเมเปิ้ลไซรัปและทาเนยแล้วแต่ชอบ

ขนมมัฟฟิน


                                                  ขนมมัฟฟิน

                             


ส่วนผสม
  •  แป้งสาลีอเนกประสงค์ 135 กรัม  (1 ถ้วย)
  •  เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา  
  •  ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
  •  น้ำตาลทรายขาว 130 กรัม (1/2 ถ้วย)
  •  ช๊อคโกแลตชิบ  2/3 ถ้วย
  •  ไข่ไก่ 1/2 ฟอง
  •  น้ำมันรำข้าว 1/4 ถ้วย
  •  โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย  (1 กระปุก)
  •  นมสดรสจืด 1/4 ถ้วย
  •  กลิ่นวนิลา 1/2  ช้อนชา
วิธีทำ

  1. ในกาละมังใบที่ 1 ให้เราร่อนแป้ง + เบคกิ้งโซดา + ผงโกโก้ รวมกันนะคะ   ร่อนสัก 1-2 รอบก็ใช้ได้ค่ะ 
  2. จากนั้นก็ใส่น้ำตาลทรายขาว และช๊อคโกแลตชิพ (ครึ่งนึง) ลงไป
  3. คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน แล้วพักไว้ก่อนนะคะ
  4. ในกาละมังใบที่สอง ให้เราผสมไข่ไก่  น้ำมันรำข้าว นมสด โยเกิร์ต และกลิ่นวนิลารวมกัน
  5. แล้วใช้ตะกร้อมมือคนให้เข้ากันนะคะ 
  6. จากนั้นเทส่วนผสมในกาละมังของเหลวใส่ลงในกาละมังของแห้ง
  7. แล้วใช้ตะกร้อมือคนอย่างรวดเร็วให้พอเข้ากัน  ก็วางตะกร้อมือได้เลยค่ะ 
  8. ตักส่วนผสมมัฟฟิ่นใส่ถ้วยที่จะใช้อบ 
  9. จากนั้นนำเข้าอบไฟ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 17-18 นาที 


บราวนี่ช็อคโกแลตชิพ

                                         บราวนี่ช็อคโกแลตชิพ


ส่วนผสม
  • ช็อกโกแลต. 150. กรัม
  • เนยจืดหั่นเต๋า. 115. กรัม
  • ผงโกโก้. 2. ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย. 200. กรัม
  • กลิ่นวานิลลา. 1. ช้อนชา
  • ไข่ไก่เบอร์ 0). 3. ฟอง
  • แป้งอเนกประสงค์. 95. กรัม
  • เกลือป่น. 1/4. ช้อนชา
  • ช็อกโกแลตชิพ กึ่งหวาน. 105. กรัม
วิธีทำ
1. ละลายช็อกโกแลต. กับเนยจืดที่หั่นไว้ ใส่ในชามสแตนเลสขนาดใหญ่
นำไปตั้งบนน้ำร้อนที่เดือดปุดๆบนเตา. (ตุ๋น) คอยคนจนละลาย
2. ใส่น้ำตาลทราย. ผงโกโก้ วานิลลา และไข่ไก่ ใช้ตะกร้อมือคนพอเข้ากัน เติมแป้งอเนกประสงค์ที่ร่อนไว้ คนจนส่วนผสมแป้งเข้ากัน จึงใส่ช็อกโกชิพ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. เทใส่พิมพ์ถาด ขนาด. 8x8x2 นิ้ว ที่ทาไขมันรองกระดาษ และทาทับอีกครั้ง
เกลี่ยหน้าให้เรียบ นำเข้าเตาอบไฟที่อุณหภูมิ. 180. องศาเชลเชียส. นานประมาณ
25-30. นาที หรือจะใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มลงไป ถ้าไม่มีเนื้อเค้กติดมา ก็สุกแล้ว
4. นำออกจากเตาปล่อยให้เย็นบนตะแกรง. ตัดเสิร์ฟที่อุณหภูมิห้อง หรือแช่เย็น

คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ

                                        คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ



ส่วนผสม

  •  เนยเค็ม 240 กรัม
  •  น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
  •  น้ำตาลทราย 50 กรัม
  •  ไข่ไก่ 1 ฟอง
  •  แป้งเค้ก 300 กรัม
  •  ผงฟู 2 ช้อนชา
  •  ช็อคโกแลตชิป 200 กรัม

อุปกรณ์ที่ใช้

  • ถาดเข้าอบ
  • พายยาง
  • เครื่องผสม
  • ช้อนตวง
  • ช้อน หรือ ที่ตักไอศกรีม

วิธีทำคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ

1. อุ่นเตาที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียล
2. ตีเนยและน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายจนเป็นครีม ด้วยเครื่อง
3. ใส่ไข่ไก่และวนิลาทีละครึ่งจนหมด
4. ร่อนแป้งเค้กและผงฟูรวมกัน
5. ใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงในเครื่องทีละครั้ง ผสมด้วยความเร็วต่ำจนพอเข้ากัน
6. ใส่แป้งที่เหลือจนหมด
7.ผสมจนเข้ากัน
8. ใส่ช็อคโกแลตชิปลงไปคลุกพอเข้ากัน
9. ตักคุกกี้ด้วยช้อนหรือที่ตักไอศกรีม
10. วางลงบนถาดที่ทาเนยเรียบร้อยแล้ว
11. กดให้แบนด้วยมือ
12. นำเข้าเตาอบ 15-20 นาที หรือจนกว่าจะเหลืองทอง
13. เมื่อสุก นำมาพักบนตะแกรง ทิ้งไว้จนเย็น

วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เค้กฝอยทอง

                                                                   
                                                                        เค้กฝอยทอง





 ส่วนผสม
  • ฝอยทอง 150-200 กรัม
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • นมผง 3/4 ช้อนโต๊ะ
  • ผงฟู 3/4 ช้อนชา
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 45 กรัม
  • น้ำมันพืช 30 กรัม
  • ไข่แดง (จากไข่ไก่เบอร์ 0) 2 ฟอง
  • นมข้นจืด 45 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • ไข่ขาว (จากไข่ไก่เบอร์ 0) 2 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 45 กรัม
วิธีทำ
  1. วอร์มเตาอบ 180 องศาเซลเซียส  ไฟบนและล่าง  ไม่เปิดพัดลมกระจายความร้อน
  2. เตรียมถ้วยลักษณะเดียวกับถ้วยนึ่งข้าว  กว้าง 9 หรือ 9.5 เซนติเมตร 5 ใบ
  3. ขยี้ฝอยทองให้กระจายตัว  ไม่จับตัวเป็นก้อนหรือชิ้นใหญ่ ๆ
  4. นำฝอยทองที่ขยี้แล้วใส่ลงในถ้วยข้าว  ใช้มือหรือภาชนะกดให้แน่น ๆ  ให้ระดับความสูงของฝอยทองประมาณ 0.5-0.6 เซนติเมตร  พักไว้
  5. ร่อนแป้งเค้ก  นมผงและผงฟูรวมกัน 2 ครั้ง  ใส่ชามผสมใบกลาง
  6. นำเกลือ  น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) น้ำมันพืช  ไข่แดง  นมข้นจืดและกลิ่นวานิลลาใส่ชามผสมใบเล็ก  คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน  พักไว้
  7. ในชามผสมใบเล็กอีกใบ  ตีไข่ขาวให้เป็นฟองหยาบด้วยความเร็วต่ำไล่ไปสูง  ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป  ตีต่อให้เป็นฟองละเอียดด้วยความเร็วสูง
  8. แบ่งใส่น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 2 ครั้ง ในชามไข่ขาว  ตีต่อด้วยความเร็วสูงจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อน
  9. ลดความเร็วของเครื่องตีลงต่ำพีตัดฟองอากาศในไข่ขาวสักพัก  หยุดเครื่อง  พักไว้
  10. เทส่วนผสมของไข่แดงลงในชามของแห้งครั้งเดียวหมด  คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน  ไม่เห็นแป้งเป็นเม็ดแล้วหยุด
  11. ทะยอยแบ่งไข่ขาวเป็น 3 ส่วน ใส่ลงในชามไข่แดง  ผสมด้วยตะกร้อมือด้วยความเบามือ  นุ่มนวล
  12. ทำซ้ำจนหมดไข่ขาว  กวาดก้นชามผสมด้วยพายยางให้เข้ากันดีอีกครั้ง
  13. ตักส่วนผสมใส่ถ้วยฝอยทองที่เตรียมไว้  แบ่งให้ได้ 5 ถ้วย
  14. วางถ้วยขนมลงในถาดทนความร้อน  เทน้ำลงในถาดให้ระดับน้ำสูง 1 เซนติเมตรจากก้นถาด
  15. นำขนมเข้าอบ  ระยะเวลาประมาณ 20-25 นาที  สังเกตดูว่าขอบขนมร่อนจากพิมพ์แสดงว่าขนมสุกแล้ว
  16. นำขนมออกจากเตาอบ  รีบยกถ้วยออกจากถาดน้ำ  แล้วคว่ำขนมลงบนตะแกรงทันที  พักไว้ให้เย็นก่อนบรรจุกล่อง